เมื่อวานแม่ไม่สบาย
ฟังเสียงแม่ผ่านโทรศัพท์แล้วมันแปลกไป พอกลับมาบ้าน เลยรีบไปหาที่ห้อง
แม่นอนทั้งวันเลย อ่านนิยายไปด้วย
บอกว่าเจ็บคอ ปวดหัวตัวร้อน แถมยังปวดหลังอีก
สงสัยจะติดมาจากเรา ที่เพิ่งจะหายจากหวัดไม่นาน
สิ่งมีชีวิตทุกชนิด แม้จะเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ยังห่วงลูกห่วงหลานและวงศ์ตระกูลของมัน
ไม่เว้นแม้แต่ปรสิต พยาธิ และไวรัส
คนเราก็ดันใจบุญ ไปเก็บมันมาเลี้ยง
แม่ก็เป็นคนใจบุญคนหนึ่ง
อาม่าเคยพูดว่า พ่อแม่ที่ดีต้องเป็นเพื่อนของลูก
ต้องคุย ต้องลุย และเป็นที่พึ่งช่วยเหลือลูกในยามยากได้
แม่ก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
แม่อาจจะไม่ได้เข้าใจไปซะทุกเรื่อง และเราเองก็อาจจะไม่ได้พูดคุยกับแม่ไปทุกอย่าง
แต่สิ่งที่แม่มีให้เสมอคืออิสระและกำลังใจ…
แม่ไม่เคยบังคับ มีเพียงแต่ชี้นำ ให้ได้เดินไปในทางที่ถูกมากกว่าผิด
เมื่อไรที่โอกาสมาถึง แม่จะคอยเชียร์และผลักดันให้เรากล้าและยอมรับ
เมื่อไรที่เราไปถึงจุดหมาย มักจะมีอ้อมกอดเป็นรางวัลเสมอๆ
และแม้ในวันที่ทุกคนซ้ำเติมเรา ดูเหมือนทุกอย่างในโลกมันทับเราลงมา
พอกลับถึงบ้าน จะมีคนๆนึงคอยรับฟัง และเติมเต็มให้ทุกสิ่งไม่แย่อย่างที่เป็นอยู่
เวลาไม่สบาย สิ่งที่อยากกินมากที่สุด คือข้าวต้มบานๆร้อนๆ
เหยาะซีอิ๊วเล็กๆ
และที่สำคัญ จะอร่อยที่สุดต้องเป็นแม่ทำให้กิน
วันนี้แม่ไม่สบายบ้าง เราจะทำอะไรได้บ้างหนอ
ก็จริงอยู่ที่เราเรียนหมอ แต่ความรู้แค่นี้รักษาหวัดยังไม่ได้เลย
แม่ก็ไปหาหมอนะ แต่มันขัดใจ อยากทำอะไรได้บ้าง
เลยสวมวิญญาณ แดจังกึม สักวัน
เปิดเนทไปเรื่อยๆ มาลงกับ ต้มปลาสมุนไพร
วันรุ่งขึ้นเลยจัดการนัดน้องชายสุดเลิฟไปโลตัส
อย่างแรกคือต้องไปหาปลากะพง
แล้วมันหน้าตายังไงเนี่ย กินทีไรมันก็สุกเป็นชิ้นๆมาแล้ว
เดินวนไปมา หาไม่เจอ เลยถามพี่พนักงานหน้าตี๋ตาตี่คนนึง
แล้วเค้าก็ชี้ให้ดู…อ่าวววว อยู่หน้าเราน่ะเอง อายชะมัด
ปลากะพงนอนแอ้งแม้งอยู่สิบกว่าตัว เราจึงงัดวิชา กพอ สลน สปช ที่เคยร่ำเรียน
..ตาต้องใสๆ เหงือกต้องสีสด กดแล้วเนื้อแน่นๆ
ห๊ะะะ ไม่เข้าตาสักตัว…..
พี่ตี๋ตาตี่ยืนอยู่ข้างๆ เลยชี้ตัวบนสุดให้ และก็บอกคร่าวๆให้ดูว่าเลือกยังไง
อาย เป็นรอบที่สองค่ะ
เราก็ยังตีบทแตกต่อไป : อ่อ จริงด้วยๆ งั้นเอาตัวนี้ล่ะค่ะ เอาไส้ออกให้ด้วย
พี่ตี๋ตาตี่ : เอาไส้ออกเหรอ
เรา: เอ่อ ค่ะ อะไรที่เค้าเอาออกกันก็เอาออกอ่ะค่ะ (แอบเสียตัวเอ้ยเีสียเซลฟ์)
พี่ตี๋ตาตี่ : เห็นบางคนเค้าเอาไปย่างเค้าก็จะเอาไว้น่ะครับ
เรา : อ่อ ค่ะ จะเอาไปต้มค่ะอันนี้ ช่วยทำให้ด้วยค่ะ
แล้วเราก็ยืนเอ๋อๆ คิดอยู่ว่ามันน่าจะมีที่ให้ล้างหรือเช็ดมือบ้าง ก็เอ๋อไปเอ๋อมา หันซ้ายขวา
สักพักก็มีเสียงลอดมาจากฝั่งตรงข้ามถาดใส่ปลา
“ล้างมือทางด้านโน้นนะครับ ที่มีอ่าง”….พี่ตี๋ตาตี่อีกแล้ว เฮ้ออออ จะต้องอายอีกกี่รอบ
ดีที่มีน้องชายไปแก้เก้อ เลยรีบชวนมันไปซื้อกระเพรา
วันนี้ก็เลยตื่นซะเช้าเลย ซุปร้อนๆตอนเช้ามันน่าจะดีที่สุด
จัดแจงใส่ผ้ากันเปื้อน เอาส่วนผสมทุกอย่างมากองตรงหน้า
เริ่ม !
เด็ดกระเพรา ทุบกระเทียมและหอมแดง ผักชีฝรั่งก็เอาไปล้าง
เอ่ะ…ข่า ไม่นะ…..ต้องปอกมันจริงๆเหรอเนี่ย
ครั้งที่แล้วทำเอาเลือดกระฉูดเพราะเอาอีโต้ไปฟันข่า แต่ที่โดนมันคือนิ้วชี้เราเอง
เริ่มหันซ้ายหันขวา เอาไงดีๆ
แล้วนางฟ้าก็มาโปรด…แม่เดินมาพอดี
แม่เลยจัดการหั่นข่าให้ซะสวยงาม แถมทำปลาให้ด้วย เพราะเราทำไม่เป็น
….อืม สรุปว่าหม้อนี้ใครทำให้ใครกินหว่า
เอาเถอะๆ ทำต่อไป น้ำเดือดแล้ววววว
ใส่ส่วนผสมลงไป ปรุงรส ชิม
อืมมมมมม เก่งเหมือนกันนะเนี่ยเรา
ก็ตักไปเสิร์ฟ แม่ถ้วย อาม่าถ้วย
อาม่าก็บอกอร่อยดี ส่วนแม่ไปเอาน้ำปลามาเติมเพิ่ม
ฮ่าๆ ตั้งใจทำและมีคนยอมกินก็ดีแล้ว
อย่างน้อยไอ้ส่วนผสมในนั้นมันต้องมีประโยชน์กับคนป่วยบ้าง
ไม่มากก็น้อยหล่ะนะ
รสชาดมันไม่สำคัญหรอก ถ้าเทียบกับความตั้งใจ
….ปลอบใจตัวเองเข้าไป ปลอบเข้าไป
พรุ่งนี้แม่คงดีขึ้นบ้าง ไม่จากยาหมอก็จากซุปปลา
วันเสาร์อาทิตย์นี้จะไปเที่ยวกันแล้ว
หายไวๆนะแม่…ใจบุญแค่เนี้ย
พอแล้ว